ในตลาด Forex มีเครื่องมือการเทรด ฟีเจอร์ขั้นสูง และประเภทอนุพันธ์ที่หลากหลายให้กับนักเทรดได้เลือกใช้ แต่สิ่งสำคัญที่นักเทรดต้องเข้าใจคือ คู่เงิน หรือที่รู้จักในชื่อ คู่เงิน Forex เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อสำคัญนี้ด้านล่าง!
เมื่อคุณเรียนรู้วิธีการเทรดในตลาด Forex คุณจะพบว่าการซื้อขายส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับ คู่เงิน ตามชื่อที่กล่าวไว้ คู่เงินเหล่านี้แสดงถึงสกุลเงินสองสกุลจากทั่วโลกที่ถูกนำมาวิเคราะห์ร่วมกัน โดยนักเทรดจะเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสัมพัทธ์ของแต่ละสกุลเงินในคู่เงินนั้น
คู่เงินถูกนำเสนอในรูปแบบที่มี สกุลเงินฐาน (Base Currency) อยู่ทางด้านซ้าย และ สกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency) อยู่ทางด้านขวา สกุลเงินฐานคือสกุลเงินที่ถูกซื้อ ส่วนสกุลเงินอ้างอิงคือสกุลเงินที่ถูกขาย ตัวอย่างเช่น ในคู่เงิน USD/AUD ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) เป็นสกุลเงินฐาน และดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) เป็นสกุลเงินอ้างอิง
นอกจากการแสดงคู่เงินแล้ว ยังมี อัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate) กำกับอยู่ด้วย อัตราแลกเปลี่ยนนี้บอกนักเทรดว่าต้องใช้เงินสกุลอ้างอิงเท่าไรในการซื้อ 1 หน่วยของสกุลเงินฐาน เช่น ในกรณีของคู่เงิน USD/AUD อัตราแลกเปลี่ยนอาจเป็น A$1.47 ต่อ US$1 อย่างไรก็ตาม บนแพลตฟอร์มการเทรด Forex จะมีการแสดงค่าที่ละเอียดกว่านี้ เช่น 1.4723
การเคลื่อนไหวที่ตำแหน่งทศนิยมที่สี่ในอัตราแลกเปลี่ยนนี้เรียกว่า Pip ในตลาด Forex สำหรับบางสกุลเงิน เช่น เยนญี่ปุ่น (JPY) ซึ่งมีหน่วยที่เล็กกว่าดอลลาร์ออสเตรเลียมาก Pip จะเป็นการเคลื่อนไหวที่ตำแหน่งทศนิยมที่สอง นักเทรดจำเป็นต้องจับตาดู Pip เหล่านี้เพื่อประเมินประสิทธิภาพของตลาดและแนวโน้มในอนาคต.
นักเทรดสามารถเปิดสถานะ ซื้อ (Long) หรือ ขาย (Short) ในคู่เงินได้ สถานะซื้อหมายถึงการเปิดสถานะเพื่อซื้อคู่เงิน ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่กล่าวมาข้างต้น นักเทรดจะอยู่ในสถานะซื้อใน ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) และอยู่ในสถานะขายใน ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) พร้อมกัน หาก 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 1.4723 ดอลลาร์ออสเตรเลีย นักเทรดในตัวอย่างนี้คาดหวังว่าค่านี้จะเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างกำไร
หากนักเทรดเชื่อว่าตลาดจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม พวกเขาสามารถเปิดสถานะขายในคู่เงินได้ นั่นหมายถึงการอยู่ในสถานะขายใน ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) และอยู่ในสถานะซื้อใน ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ในกรณีนี้ นักเทรดต้องการให้อัตราแลกเปลี่ยน 1.4723 ลดลง กล่าวคือ พวกเขาต้องการให้ AUD แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD
ควรระลึกไว้ว่าการเทรดในคู่เงิน ไม่มีการรับประกันผลลัพธ์ที่แน่นอน แม้ว่าคุณจะทำการวิจัยสถานะของคุณและตัดสินใจบนพื้นฐานของการคาดการณ์ที่มีข้อมูลสนับสนุน ตลาดยังคงมีโอกาสเคลื่อนไหวในทิศทางที่คุณไม่คาดคิดได้เสมอ กล่าวอีกนัยหนึ่ง การเทรดในตลาด Forex มักมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนอยู่เสมอ.
การเทรดในตลาด Forex เปิดโอกาสให้คุณมีความยืดหยุ่นสูงสุด ในการดำเนินการ ไม่เพียงแต่คุณสามารถเลือกเปิดสถานะ ซื้อ (Long) หรือ ขาย (Short) ได้ตามที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ แต่ยังสามารถเลือกคู่เงินหลากหลายจากทั่วโลกเพื่อทำการเทรดได้อีกด้วย คู่เงิน Forex อาจประกอบด้วยสกุลเงินใด ๆ สองสกุลเงินจากทั่วโลก อย่างไรก็ตาม คู่เงินบางประเภทมีการซื้อขายบ่อยกว่าคู่เงินอื่น ๆ นอกจากนี้ คู่เงินในตลาด Forex ยังสามารถแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ทั่วไปได้อีกด้วย
คู่เงินหลัก (Major Currency Pairs) คือคู่เงินในตลาด Forex ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด ทั้งในแง่ของความถี่และมูลค่าเงินที่ใช้ในธุรกรรม โดยปัจจุบัน คู่เงินหลัก 4 คู่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ), USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น), GBP/USD (ปอนด์อังกฤษ/ดอลลาร์สหรัฐ) และ USD/CHF (ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิส) อย่างไรก็ตาม รายการนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามแรงกระตุ้นของตลาดและแนวโน้มการซื้อขายโดยทั่วไป คู่เงิน AUD/USD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัฐ) เป็นอีกคู่หนึ่งที่มักถูกรวมอยู่ในกลุ่มคู่เงินหลัก โดยเฉพาะในคำจำกัดความที่ครอบคลุมประเภทคู่เงินหลักมากยิ่งขึ้น
การเทรดคู่เงินหลักในตลาด Forex เป็นตัวเลือกยอดนิยม เนื่องจากมักมีความเสถียรมากกว่าคู่เงินประเภทอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีค่าสเปรดที่แคบกว่าและมีสภาพคล่องสูงกว่า อย่างไรก็ตาม แม้แต่คู่เงินหลักก็ไม่มีการรับประกันว่าตลาดจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้เสมอ การวางแผนและวิเคราะห์ตลาดจึงยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดทุกคน
คู่เงินรอง (Minor Currency Pairs) เป็นคู่เงินที่มีการซื้อขายน้อยกว่าคู่เงินหลัก แต่ยังคงมีปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลือกอื่น ๆ (เช่น คู่เงินแปลกใหม่ที่กล่าวถึงในส่วนถัดไป) โดยทั่วไปแล้ว คำว่าคู่เงินรองจะหมายถึงคู่เงินที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มคู่เงินหลัก 4 อันดับแรก และไม่ได้มี ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นส่วนประกอบ ตัวอย่างที่พบบ่อยของคู่เงินรอง ได้แก่ EUR/JPY (ยูโร/เยนญี่ปุ่น), GBP/CHF (ปอนด์อังกฤษ/ฟรังก์สวิส) และ AUD/NZD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์นิวซีแลนด์)
เมื่อเปรียบเทียบกับคู่เงินหลัก คู่เงินรองมักมีความผันผวนสูงกว่า ซึ่งทำให้ดึงดูดนักเทรดที่ต้องการผลตอบแทนที่รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่จะเกิดการขาดทุนครั้งใหญ่ก็มากขึ้นเช่นกัน อีกทั้งสภาพคล่องของตลาดในคู่เงินรองมักจะต่ำกว่า และค่าสเปรดสำหรับคู่เงินรองก็มักกว้างกว่าคู่เงินหลัก ซึ่งเพิ่มต้นทุนในการเปิดสถานะการเทรด
คู่เงินแปลกใหม่ (Exotic Currency Pairs) คือคู่เงินที่มีลักษณะคล้ายกับคู่เงินรอง แต่มีปริมาณการซื้อขายที่ต่ำมาก ทำให้ไม่ค่อยอยู่ในความสนใจของนักเทรดส่วนใหญ่ในตลาดหลัก คู่เงินเหล่านี้มักมีข้อมูลสำหรับการวิจัยน้อย สภาพคล่องในตลาดก็มักจะต่ำ และมีความผันผวนสูง ส่งผลให้เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์สูงหรือผู้ที่มีความรู้เฉพาะทางเกี่ยวกับสถานการณ์ทางภูมิศาสตร์การเมืองและเศรษฐกิจ
ตัวอย่างคู่เงินแปลกใหม่ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเทรด ได้แก่ CAD/SGD (ดอลลาร์แคนาดา/ดอลลาร์สิงคโปร์) และ EUR/TRY (ยูโร/ลีราตุรกี) นอกจากนี้ ยังมีคู่เงินแปลกใหม่ที่ประกอบด้วย ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เช่น USD/SEK (โครนาสวีเดน) และ USD/THB (บาทไทย)
คู่เงินข้ามสกุล (Currency Cross Pairs) หมายถึงกลุ่มคู่เงินรองที่ไม่มี ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นส่วนประกอบ แต่เดิมการแลกเปลี่ยนคู่เงินเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ดอลลาร์สหรัฐเป็นตัวกลาง ตัวอย่างเช่น การแลกเปลี่ยนจาก ปอนด์อังกฤษ (GBP) เป็น เยนญี่ปุ่น (JPY) ครั้งหนึ่งเคยต้องแลกจาก GBP เป็น USD และจากนั้น USD เป็น JPY ดังนั้นคู่เงิน GBP/JPY จะถือว่าเป็นคู่เงินข้ามสกุล
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ มาร์จิ้น (Margin) และ เลเวอเรจ (Leverage) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดที่ต้องการเรียนรู้การเทรดในตลาด Forex
การเทรดด้วยเลเวอเรจทำงานคล้ายกับการเทรดด้วยมาร์จิ้น แต่จะแสดงในรูปแบบอัตราส่วน ตัวอย่างเช่น คุณอาจยืมเงิน $20 จากโบรกเกอร์สำหรับทุก ๆ $1 ที่คุณนำมาจากยอดคงเหลือในบัญชีของคุณ ซึ่งจะแสดงเป็นเลเวอเรจ 20:1 ในตัวอย่างนี้ มาร์จิ้นยังคงเป็น 5% และหากยอดเงินในบัญชีของคุณลดลงต่ำกว่าระดับนี้ โบรกเกอร์จะออกมาร์จิ้นคอล
ทั้งเลเวอเรจและมาร์จิ้นช่วยให้นักเทรดสามารถเพิ่มการเปิดรับตลาดได้สูงสุดเมื่อทำการเทรดคู่เงิน ตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้น คุณจะควบคุมสถานะที่มีมูลค่ามากกว่า 20 เท่าของเงินทุนจริงที่คุณมี อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้หมายความว่าคุณต้องประเมินการเคลื่อนไหวของคู่เงินอย่างรอบคอบ และเตรียมพร้อมที่จะปิดสถานะหากอัตราแลกเปลี่ยนของคู่เงินเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามคาดการณ์
เครื่องมือ Stop Loss สามารถช่วยคุณได้โดยการปิดสถานะโดยอัตโนมัติเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนของคู่เงินลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้ ช่วยลดความเสี่ยงและปกป้องเงินทุนของคุณในสภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูง
เมื่อคุณดูมูลค่าของคู่เงิน Forex บนแพลตฟอร์ม VT Markets คุณจะสังเกตได้ว่ามีความแตกต่างระหว่าง ราคาซื้อ (Bid Price) และ ราคาขาย (Ask Price) ของคู่เงินนั้น ๆ ความแตกต่างนี้เรียกว่า สเปรด (Spread) โดยสเปรดเป็นกลไกที่ช่วยให้แพลตฟอร์มโบรกเกอร์และตัวแทนโบรกเกอร์สร้างรายได้จากทุกสถานะการเทรดที่เปิดอยู่
สเปรดที่แคบ (Narrower Spread) มีความหมายสำคัญดังนี้:
คู่เงินหลักในตลาด Forex มักมี สเปรดที่แคบ เป็นคุณสมบัติเด่น ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่นักเทรดจำนวนมากเลือกเทรดคู่เงินที่มีปริมาณการซื้อขายสูงเหล่านี้ นอกจากจะช่วยลดต้นทุนการเทรดแล้ว ยังเพิ่มโอกาสในการจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้นในตลาดที่มีความเสถียรสูง
ที่ VT Markets เรานำเสนอแพลตฟอร์มที่ทันสมัยและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเพื่อช่วยให้นักเทรดสามารถใช้ประโยชน์จากการเทรด Forex ได้อย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ แม้ว่าการเทรดประเภทนี้จะมีความเสี่ยง แต่ด้วยเครื่องมือและฟีเจอร์ของเรา คุณสามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่แม่นยำและการวิเคราะห์ที่สนับสนุนการเรียนรู้ของคุณได้
เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลองของเรา จากนั้นเปิดสถานะการเทรดจริงด้วยบัญชีเทรดจริง (Live Trading Account) หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแพลตฟอร์มของเรา ติดต่อทีมงานของเราได้เลยวันนี้!
คู่เงินที่มีการซื้อขายบ่อยที่สุดเรียกว่าคู่เงินหลัก (Major Forex Pairs) ซึ่งรวมถึง EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD และ USD/CHF (ฟรังก์สวิส) แต่รายการนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความผันผวนของตลาด นอกจากนี้ AUD/USD ก็เป็นอีกหนึ่งคู่เงินที่มีการซื้อขายบ่อยเช่นกัน
ความสัมพันธ์ของค่าเงิน (Currency Correlation) เป็นแนวคิดที่ซับซ้อนกว่าในตลาด Forex โดยหมายถึงการเคลื่อนไหวสัมพัทธ์ของสองคู่เงินต่อกัน คู่เงินเหล่านี้อาจเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน บ่งบอกถึงความสัมพันธ์บางอย่าง (แม้จะไม่ใช่ทุกครั้ง) หรืออาจเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม หรืออาจไม่มีความสัมพันธ์เลย โดยเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันในบางครั้งและเคลื่อนไหวสวนทางกันในบางครั้ง
คู่เงินหลัก (Major Currency Pairs) มักมีสภาพคล่องสูงที่สุด ต้นทุนการเทรดต่ำ และมีความผันผวนต่ำที่สุดในตลาด เมื่อคุณเรียนรู้การเทรด Forex คุณจะพัฒนากลยุทธ์ของคุณเองและเข้าใจว่าคู่เงินใดที่เหมาะกับคุณที่สุด แต่โดยทั่วไปแล้ว คู่เงินในหมวดนี้มักมีเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ต่อนักเทรดทุกระดับ